นอกจากเรื่องของชื่อเสียงเรียงนามอันเป็นพื้นฐานทั่ว ๆ ไปแล้ว การแนะนำตัวด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวคุณเอง ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ทั้งทางบริษัทและตัวคุณเอง จะต้องมีการพูดถึง เพราะนี่จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รู้ว่าคุณเป็นใคร มาจากไหน มีความสามารถยังไง และตรงกับความต้องการของบริษัทที่คุณไปสัมภาษณ์หรือไม่ ฉะนั้นตอบไปตามความเป็นจริงเลยครับว่าคุณคือใคร จบอะไรมา หรือมีความถนัดด้านไหน ที่สำคัญข้อมูลที่พูดออกไปต้องตรงกับในเอกสารที่ยื่นไปด้วยนะครับ ไม่งั้นแล้วคุณอาจจะโดนข้อครหาว่า ให้ข้อมูลที่เกินจริงก็เป็นได้
2. ทำไมคุณถึงเลือกที่นี่?
คำถามที่ดูเหมือนว่าจะตอบได้ง่าย ๆ อย่าง "ทำไมคุณถึงเลือกที่นี่?" ก็ถือเป็นคำถามที่ปราบเซียนมานักต่อนักแล้ว คำถามแบบนี้มีจุดประสงค์เพื่อจะดูสิว่า คุณในถ้าผู้ที่สนใจจะเข้าร่วมทำงานกับบริษัทนั้น ๆ มีมุมมองหรือทัศนคติอะไรกับที่นั่นบ้าง
ดังนั้น เมื่อเจอกับคำถามนี้ก็ขอให้ใจเย็น ๆ แล้วตอบไปอย่างมั่นใจว่า เพราะคุณเล็งเห็นว่าบริษัทมีความเจริญก้าวหน้า อีกทั้งตัวคุณเองก็มีศักยภาพมากพอที่จะผลักดันให้บริษัทก้าวหน้าไปได้มากกว่าเดิม เพียงแค่นี้ก็ได้ใจคนสัมภาษณ์ไปพอสมควรเลยล่ะ
3. เพราะอะไรคุณถึงออกจากที่เก่า?
สำหรับคนที่เปลี่ยนงานมาใหม่ แน่นอนว่าร้อยละ 80 ต้องเจอกับคำถามนี้แน่นอน เพราะคนที่เป็น (ว่าที่) นายจ้างของคุณนั้น ย่อมอยากรู้ถึงสาเหตุหรือเหตุผลที่คุณจากที่เก่ามาแน่ ๆ เช่น โดนไล่ออกหรือไม่ หรือสภาพงานที่เก่าสุดจะทนกับการทำงานด้วย เป็นต้น ทางที่ดี ขอให้คุณตอบกลับไปในลักษณะประมาณว่า ที่ต้องออกมาเพราะเห็นว่าคุณสามารถก้าวหน้าได้มากกว่าที่เคย และเมื่อมาเจอที่ใหม่นี้ ก็มั่นใจว่าเป็นงานที่ลงตัวและเหมาะกับความสามารถของคุณ ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาองค์กรได้อย่างแน่นอน
4. ทำงานล่วงเวลาได้ไหม และสุดสัปดาห์สะดวกทำงานหรือเปล่า?
อันดับต่อมาที่เขาจะถามคุณ ก็เป้นเรื่องของเวลาการทำงานนี่ล่ะครับ งานแต่ละที่ก็แตกต่างกันไปตามแต่ละสายงานของบริษัทนั้น ๆ บางแห่งจำเป็นต้องทำช่วงวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์ด้วย ดังนั้นทางบริษัทเองจึงจำเป็นที่จะต้องถามไถ่ก่อนว่าคุณนั้นสะดวกที่จะทำงานนอกเวลาเพิ่มจากทั้ง 5 วันหรือไม่
ทั้งนี้ทั้งนั้น หากคุณไม่มีภาระใด ๆ มากมายนักก็บอกไปได้เลยครับว่าคุณสะดวก เพราะนั่นจะเป็นการทำให้ทางบริษัทได้รู้ว่าคุณมีความทะเยอทะยานกับงานที่กำลังสัมภาษณ์มาก ๆ แต่หากคุณไตร่ตรองแล้วว่าไม่สะดวกจริง ๆ เพราะยังมีกิจธุระอื่นเยอะแยะมากมายต้องไปทำ ก็ให้บอกไปตามตรงเช่นกัน เพราะหากในวันข้างหน้าถ้าเขารับคุณเข้าทำงานแต่คุณไม่สามารถแบ่งเวลามาทำให้ได้ ก็จะมีผลเสียในหลาย ๆ ด้านตามาในภายหลัง
5. อะไรคือจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ?
เชื่อได้เลยว่า ใครที่เจอคำถามนี้เข้าไป ก็ต้องมีชะงักกันบ้างล่ะ ก็เล่นถามมาแบบนี้ความกดดันในการคิดคำตอบจึงเกิดขึ้นไปโดยปริยาย ทั้งนี้ทั้งนั้น สาเหตุที่มีคำถามนี้ขึ้น ก็เพื่อเป็นทดสอบคุณดูสิว่า คุณนั้นจะซื่อสัตย์กับตัวเองมากขนาดไหน เพราะใครก็ตามที่ตอบออกมาอย่างมั่นใจเลยว่า ตนไม่มีข้อด้อยหรือจุดบกพร่องใด ๆ ทำงานได้เกินประสิทธิภาพนั้น ถือเป็นคนที่มีปัญหาต่อการเข้าสิ่งต่าง ๆ โดยเฉพาะตัวเองมาก ๆ
ดังนั้น คุณจึงควรตอบไปตรง ๆ เลยว่าคุณนั้นมีจุดแข็งในด้านใดบ้าง เช่นเดียวกันกับจุดอ่อนที่ควรบอกให้ครบเหมือนกัน และทิ้งท้ายไว่ด้วยว่าในส่วนของจุดอ่อนสามารถแก้ไขได้ หากแต่มีการปรับตัวและพัฒนากันต่อไป เพียงเท่านี้ คุณก็จะโดดเด่นในการสัมภาษณ์ขึ้นมาทันที
ทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ก็เป็น 5 คำถามสำคัญ ที่ใช้กันบ่อยเมื่อมีสัมภาษณ์งาน ยังคงมีคำถามอื่น ๆ อีกเพียบที่รอให้คุณได้ตอบกันอีกเยอะ ทางที่ดี ขอให้คุณเตรียมตัวให้พร้อมและมีสติอยู่เสมอ อย่าไปกดดันตัวเองให้รู้สึกเครียดมากไปนัก ปล่อยตัวสบาย ๆ อย่าเกรงให้มากเกินไป พูดจาให้ชัดถ้อยชัดคำ และยิ้มเข้าไว้ เพียงเท่านี้การสัมภาษณ์งานของคุณก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดีแน่นอน
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://www.kapook.com/
คำแนะนำกับการเตรียมตัวงาน ดี ๆ
ตอบลบอย่าลืมเอาไปใช่นะ
ตอบลบ